โดย ดร.ธารากร วุฒิสถิรกูล
ประธานสถาบันวิจัยพัฒนาและการศึกษา บี อาร์ ไอ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรี เหอ หลี่เฟิง จะเดินทางเยือนสวิตเซอร์แลนด์ระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม ตามคำเชิญของรัฐบาลสวิส เพื่อหารือกับผู้นำสวิสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ในระหว่างการเยือนดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรีเหอ ซึ่งเป็นผู้นำการเจรจาเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะพบปะกับรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ นายเบนสัน ระหว่างวันที่ 12-16 พฤษภาคม เพื่อหารือประเด็นสำคัญ
หลังจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีเหอ หลี่เฟิง จะเดินทางต่อไปยังฝรั่งเศส เพื่อร่วมเป็นประธานการเจรจาเศรษฐกิจและการเงินระดับสูงระหว่างจีนกับฝรั่งเศส ครั้งที่ 10 กับฝ่ายฝรั่งเศส
การพบปะเจรจาระหว่างผู้แทนการค้าของจีนและสหรัฐอเมริกา ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสงครามการค้าที่ยืดเยื้อหรือไม่ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายอาจมีเจตนาที่ดีในการเริ่มต้นพูดคุย แต่ความขัดแย้งในประเด็นหลักยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ
ในระยะสั้น ประเด็นเร่งด่วนที่อาจมีการหารือคือความเป็นไปได้ในการลดภาษีนำเข้า เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว การหาจุดสมดุลระหว่างหลักการ “การค้าที่เป็นธรรม” และ “การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์” จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบของกฎเกณฑ์ทางการค้าใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าและการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างต่อเนื่องของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ประเด็นสำคัญในการเจรจา:
- ความเป็นไปได้ในการปรับลดภาษี: ทั้งสองฝ่ายอาจพิจารณาการลดภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะสินค้าที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนและห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม จีนอาจคาดหวังให้สหรัฐฯ ปรับลดอัตราภาษีลงอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อฟื้นฟูการค้า
- การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานและกฎการค้า: การเจรจาอาจครอบคลุมถึงการลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี การประสานนโยบายควบคุมการส่งออก และการปรับกรอบการค้าภายใต้ระบบพหุภาคี
- ข้อพิพาทนโยบายยกเว้นภาษีสินค้ามูลค่าต่ำ: การที่สหรัฐฯ เพิ่งยกเลิกนโยบายยกเว้นภาษีสำหรับสินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น ซึ่งประเด็นนี้อาจถูกจีนหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อต่อรอง
จุดยืนและข้อเรียกร้องของทั้งสองฝ่าย:
- จีน: ยืนยันในหลักการและความเท่าเทียม โดยกระทรวงพาณิชย์จีนได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะ “ไม่ยอมเสียหลักการ” และเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขมาตรการภาษีฝ่ายเดียว พร้อมทั้งยืนยันที่จะเจรจาบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน จีนยังเน้นย้ำว่าจะพิจารณาจากการกระทำจริงของสหรัฐฯ และจะไม่ยอมอ่อนข้อหากสหรัฐฯ ใช้การเจรจาเป็นเครื่องมือกดดัน
- สหรัฐฯ: มุ่งเน้นการลดความตึงเครียดในระยะสั้น และปรับโครงสร้างในระยะยาว โดยนายเบนสันได้ระบุเป้าหมายของการเจรจาครั้งนี้ว่า เพื่อ “ลดความร้อนแรงของสถานการณ์” และสร้างพื้นฐานสำหรับการเจรจาในอนาคตมากกว่าที่จะทำข้อตกลงครั้งใหญ่ในทันที สหรัฐฯ ต้องการปรับสมดุลระบบเศรษฐกิจโลกเพื่อให้ “สนับสนุนผลประโยชน์ของอเมริกา” ควบคู่ไปกับการตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของภาคธุรกิจให้ลดภาษีลงสู่ระดับที่สามารถทำการค้าได้
ความท้าทายและแนวโน้ม:
- ปัญหาความไว้เนื้อเชื่อใจและการปฏิบัติตาม: จีนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ “พูดอย่างทำอย่าง” ในขณะที่นโยบายฝ่ายเดียวของรัฐบาลชุดก่อนอาจจำกัดความยืดหยุ่นในการทำข้อตกลง
- การผ่อนคลายชั่วคราวกับการแข่งขันระยะยาว: ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้จะมีการบรรลุข้อตกลงที่จำกัด เช่น การระงับการขึ้นภาษีใหม่ แต่การแก้ไขข้อขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่สำคัญ เช่น การแข่งขันด้านเทคโนโลยีและการเข้าถึงตลาด ยังคงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน
- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก: หากการเจรจาประสบความสำเร็จ อาจส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของตลาดและช่วยคลี่คลายปัญหาในห่วงโซ่อุปทานโลก ในทางตรงกันข้าม หากการเจรจาล้มเหลว ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยก็จะเพิ่มสูงขึ้น
การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด แม้ว่าความคาดหวังต่อการแก้ไขปัญหาทั้งหมดในคราวเดียวอาจเป็นไปได้ยาก แต่การเริ่มต้นพูดคุยและหาทางลดความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจนี้ ก็ยังคงมีความสำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม