ผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กับเศรษฐกิจไทย…หนทางเอาตัวรอดในวิกฤต
วิเคราะห์โดย ดร.ธารากร วุฒิสถิรกูล
ประธานสถาบันวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา บี อาร์ ไอ
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ได้ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้องเผชิญกับทั้งความไม่แน่นอนทางการค้าและการปรับตัวครั้งสำคัญ สำหรับประเทศไทย สถานการณ์นี้ส่งผลให้ “ค่าเงินบาทแข็งค่า” อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ส่งออกและประชาชนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
สงครามการค้า…จุดชนวนความปั่นป่วน
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่สองประเทศมหาอำนาจเท่านั้น หากแต่ยังก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก หลายประเทศในเอเชียจึงต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ขณะที่บางประเทศต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในอันเนื่องมาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “การเอาตัวรอด” กลายเป็นโจทย์สำคัญสำหรับทุกประเทศ
ค่าเงินบาทแข็งค่า…สัญญาณดีหรือวิกฤต?
ในปัจจุบัน ค่าเงินบาทของไทยอยู่ในระดับที่แข็งค่าพอสมควร เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก
- ปัจจัยตลาดโลก: นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจไทยมีความมั่นคงจากฐานะเจ้าหนี้สุทธิและทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง
- การแทรกแซงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.): แม้ว่า ธปท. จะปฏิเสธเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน (Currency Manipulation) แต่หลายฝ่ายยังคงตั้งข้อสังเกตว่า การซื้อขายเงินตราต่างประเทศของ ธปท. อาจมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของค่าเงิน
ผู้ส่งออกเจ็บตัว ประชาชนได้-เสียอะไร
- ผู้ส่งออก: สินค้าไทยมีราคาสูงขึ้นในตลาดโลก โดยเฉพาะภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่ต้องแข่งขันด้านราคา เช่น ยางพาราและสิ่งทอ
- ประชาชนทั่วไป: เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นช่วยลดราคาสินค้านำเข้า เช่น น้ำมันและเครื่องจักร อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกถึงผลประโยชน์นี้มากนัก เนื่องจากค่าครองชีพโดยรวมยังคงสูง
เกมการเมืองระหว่างประเทศ…กับ “Combat Gear”
มีข้อวิเคราะห์ว่า ไทยอาจใช้กลยุทธ์ทางการทหารเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เช่น การสั่งซื้อยุทโธปกรณ์ (Combat Gear) เพื่อแลกกับข้อได้เปรียบทางการค้า อาทิ การยกเว้นภาษีสินค้าไทยบางรายการ แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่สะท้อนให้เห็นว่า การทูตในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เรื่องของการค้า
หน่วยงานรัฐต้องลงมือก่อนวิกฤตบานปลาย
เพื่อลดผลกระทบในระยะยาว ภาครัฐควรดำเนินการดังต่อไปนี้
- สนับสนุนผู้ส่งออก: พัฒนานวัตกรรม เพิ่มมูลค่าสินค้า และให้ความช่วยเหลือด้านภาษีและดอกเบี้ย
- บริหารจัดการค่าเงิน: ใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อควบคุมความผันผวนของค่าเงินบาท
- กระจายตลาดส่งออก: ลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และจีน โดยการหาตลาดใหม่ในอาเซียน ตะวันออกกลาง และยุโรป
- ช่วยประชาชนรับมือ: ควบคุมราคาสินค้าจำเป็น และสร้างอาชีพเสริมในชุมชน
วิกฤตคือโอกาสปรับตัว
สงครามการค้าและค่าเงินบาทที่แข็งค่าเป็นสิ่งที่ท้าทายศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตและขยายตลาดใหม่ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถ “อยู่รอด” ในเกมเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ โดยเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อรักษาสมดุลและลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด