สื่อมวลชนไทยศึกษาดูงานในกว่างซี เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น
ปักกิ่ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน — วันพุธที่ 7 พ.ค. 2025 คณะผู้สื่อข่าวและนักวิชาการไทยในโครงการพัฒนาทักษะผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนไทย (สบทจ.1) ของสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ประธานหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย–จีน และที่ปรึกษาหลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย–จีน ได้เยือนนครหนานหนิง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน โดยเดินทางไปศึกษาดูงานที่สถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซี และเยี่ยมชมศูนย์การแปลและพากย์เสียงจีน-อาเซียน เพื่อเรียนรู้การทำงานของสถานีฯ โดยเฉพาะในด้านเกี่ยวกับสื่อไทยและอาเซียน
ศูนย์การแปลแห่งนี้มีสองสถานีย่อยอยู่ในเมียนมาและลาว โดยระหว่างการเยือนครั้งนี้ คณะผู้สื่อข่าวไทยยังมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมทดลองพากย์เสียงด้วยตัวเอง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และทำให้ได้เห็นถึงกระบวนการทำงานจริงของฝ่ายจีนอีกด้วย
ต่อมาคณะผู้สื่อข่าวได้เดินทางเยือนมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งกว่างซี วิทยาเขตหนานหู เพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมจีน-อาเซียน ซึ่งทางฝ่ายจีนได้จัดการแสดงบทเพลงกลุ่มชาติพันธุ์ท้องถิ่นต้อนรับทีมงานฝ่ายไทย นักแสดงสวมชุดและเครื่องประดับดั้งเดิมสวยงามขับร้องบทเพลงต้อนรับอันไพเราะ สร้างความประทับใจแก่คณะผู้สื่อข่าวไทยเป็นอย่างมาก
คณะผู้สื่อข่าวไทยมีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรมดนตรีหลากหลายแบบในกว่างซี ทั้งเครื่องดนตรีแบบดีด ตี และเป่าที่แสดงโดยอาจารย์และนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฯ นอกจากเครื่องดนตรีดั้งเดิมในกว่างซีแล้ว ยังมีการบรรเลงบทเพลงจากเครื่องดนตรีท้องถิ่นของอินโดนีเซียและไทย อีกทั้งมีการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเจ้าหน้าที่สื่อและผู้เชี่ยวชาญไทยและจีนหลังจากการเยี่ยมชมด้วย
นอกจากนี้ คณะผู้สื่อข่าวไทยได้ไปเยือนหมู่บ้านชาวจ้วงเทียนฉิน ในอำเภอหลงโจว เมืองฉงจั่วของกว่างซีในช่วงเย็น หมู่บ้านแห่งนี้รายล้อมด้วยขุนเขาและผืนฟ้าคราม โดยมีการจัดแสดงบรรเลงเพลงจาก “พิณเทียนฉิน” เครื่องดนตรีเก่าแก่ของกลุ่มชาติพันธุ์จ้วง และมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องดนตรีและผ้าของกลุ่มชาติพันธุ์จ้วงอันเป็นเอกลักษณ์
การศึกษาดูงานครั้งนี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะระหว่างวัฒนธรรมไทยและกลุ่มชาติพันธุ์จ้วงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่งการแลกเปลี่ยนในระดับบุคลากรนี้จะเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือด้านสื่อมวลชนไทยและจีนต่อไป