อาเซียน–หนานซา ร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เชื่อมข้ามภูผาและท้องทะเล สร้างบทใหม่แห่งความรุ่งเรือง
—— พิธีเปิดตัวสมาคมพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านเศรษฐกิจและการค้า อาเซียน (ASEAN SME Economic & Trade Association) ประจำประเทศจีน·หนานซา
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2025 พิธีเปิดป้ายสำนักงานผู้แทนสมาคมพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านเศรษฐกิจและการค้า อาเซียน (ASEAN SME Economic & Trade Association) ประเทศจีน·หนานซา ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในเขตหนานซา นครกว่างโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ถือเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่าสมาคมได้ตั้งสำนักงานในหนานซาแล้ว กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างหนานซากับอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเพิ่มพลังขับเคลื่อนใหม่ให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูงของภูมิภาค นี่ไม่เพียงเป็นอีกก้าวสำคัญในการตอบสนองต่อข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” แต่ยังเป็นการดำเนินการเชิงรูปธรรมเพื่อส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
พิธีนี้ดำเนินรายการโดยนางเซี่ย เสี่ยวฮุ่ย รองประธานการประชุมปรึกษาการเมืองของเขตหนานซาและผู้อำนวยการสำนักพาณิชย์เขตหนานซา โดยมีผู้นำหลายท่านเข้าร่วมในงานอย่างพร้อมเพรียง นายเฉิน เจี๋ยเคอ ประธานสมาคมพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านเศรษฐกิจและการค้า อาเซียน (ASEAN SME Economic & Trade Association) และนายเซี่ย เว่ย รองเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเทศบาลนครกว่างโจว รองเลขาธิการพรรคคณะกรรมการเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจและเทคโนโลยีหนานซา (เขตการค้าเสรีหนานซา) และรองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหาร ร่วมกันเปิดป้ายสำนักงานอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ ยังมีนายจู อวี้ รองประธานบริหารสมาคมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศจีน ตัวแทนสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน และแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและเอกชนของประเทศไทยจำนวนมากมาร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสำคัญนี้
ในพิธี นายหยวน เพียว รองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีหนานซา กล่าวปาฐกถาว่า หนานซาในฐานะศูนย์กลางการเปิดสู่ภายนอกของเขตอ่าวกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า มีท่าเรือขนส่งสินค้าสู่ทั่วโลก เป็นฐานหน้าด่านของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับอาเซียน และมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เชื่อมโยงสู่มาตรฐานสากล ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบหลายประการที่จะช่วยส่งเสริมการขยายธุรกิจในระดับโลก การตั้งสำนักงานของสมาคมฯ ครั้งนี้ นับเป็นการสืบสานสายสัมพันธ์ทางการค้าและการค้าพันปีระหว่างหนานซากับอาเซียนในยุคปัจจุบัน และถือเป็นหมุดหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่เปิดช่องทางบริการวิสาหกิจของทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มรูปแบบ
นายหยวน เพียว ได้ฝากความคาดหวังไว้ 3 ประการ คือ
-
สร้างสมาคมฯ ให้เป็น “หัวสะพาน” และเวทีหลักของความร่วมมือระหว่างเขตอ่าวกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊ากับอาเซียน
-
สร้างให้หนานซาและทั้งเขตอ่าวเป็นฐานสำคัญสำหรับการที่วิสาหกิจ “ก้าวออกไป” เจาะตลาดอาเซียน
-
เปิดหน้าต่างสำคัญให้วิสาหกิจและผลิตภัณฑ์คุณภาพของอาเซียน “เข้ามา” สู่จีน
พร้อมทั้งแสดงความหวังว่าการตั้งสำนักงานครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการค้าระหว่างกันในสาขาอุตสาหกรรมเฉพาะทาง
ด้านนายเฉิน เจี๋ยเคอ ประธานสมาคมพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านเศรษฐกิจและการค้า อาเซียน (ASEAN SME Economic & Trade Association) กล่าวว่า อาเซียนและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตอ่าวกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ใกล้ชิดกันมายาวนาน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นพลังสำคัญของความร่วมมือนี้ การที่สำนักงานตั้งอยู่ในหนานซา สะท้อนถึงการยอมรับในฐานะศูนย์กลางของหนานซาในเขตอ่าว และข้อได้เปรียบเฉพาะด้านการเชื่อมโยงกับอาเซียน
ในอนาคต สมาคมฯ จะใช้บทบาทเป็นสะพานเชื่อมอย่างเต็มที่ จัดกิจกรรมให้นักธุรกิจจากวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียนมาศึกษาดูงานตลาดในหนานซาและเขตอ่าว ส่งเสริมให้มีการนำผลิตภัณฑ์และโครงการคุณภาพเข้าสู่พื้นที่มากขึ้น อีกทั้งใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของแพลตฟอร์มเพื่อแสวงหาโอกาสความร่วมมือกับวิสาหกิจท้องถิ่นของหนานซา ขยายความร่วมมือในภูมิภาค ดึงดูดวิสาหกิจต่างชาติเข้าสู่หนานซา และช่วยผลักดันวิสาหกิจในประเทศให้ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ร่วมกันเปิดตลาดทั้งในและนอกประเทศ พร้อมกระชับความร่วมมือเชิงลึกทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรม
หลังจากนั้น นายเฉิน เจี๋ยเคอ และนายเซี่ย เว่ย ได้ร่วมกันเปิดป้ายสำนักงานท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง
การเปิดสำนักงานผู้แทนสมาคมพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านเศรษฐกิจและการค้า อาเซียน (ASEAN SME Economic & Trade Association) ประเทศจีน·หนานซา ครั้งนี้ ไม่เพียงขยายอิทธิพลขององค์กร แต่ยังสร้างสะพานเชื่อมสำคัญเพื่อการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างหนานซากับอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นพลังขับเคลื่อนให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแบบเกื้อกูลกัน และร่วมกันวาดแผนที่เศรษฐกิจภูมิภาคฉบับใหม่ที่สดใสกว่าเดิม















