จีนประณามสหรัฐฯ ‘กลั่นแกล้ง-กีดกันการค้า’ กรณีแบน ‘ชิปจีน’

17
(150925) -- WASHINGTON, Sept. 25, 2015 (Xinhua) -- Photo taken on Sept. 24, 2015 shows the national flags of China (R) and the United States as well as the flag of Washington D.C. on the Constitution Avenue in Washington, capital of the United States.(Xinhua/Bao Dandan) (zhf)

ปักกิ่ง, 21 พ.ค. (ซินหัว) — วันพุธ (21 พ.ค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนประณามกรณีสหรัฐฯ พยายามแบนชิปประมวลผลขั้นสูงของจีนไปทั่วโลกว่าเป็นตัวอย่างการกระทำ “กลั่นแกล้งและกีดกันทางการค้าเพียงฝ่ายเดียว” ซึ่งบ่อนทำลายห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอย่างรุนแรง

โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่าเมื่อไม่นานนี้ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ใช้ข้ออ้างการละเมิดกฎควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ออกแนวปฏิบัติที่พยายามแบนชิปประมวลผลขั้นสูงของจีน รวมถึงชิปหัวเหวย แอสเซนด์ (Huawei Ascend) บางรุ่น ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิของประเทศอื่นๆ ในการพัฒนาชิปประมวลผลขั้นสูงและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

สหรัฐฯ กำลังใช้การควบคุมการส่งออกในทางที่ผิดเพื่อยับยั้งและกดขี่จีน ซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานขั้นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของผู้ประกอบการจีน และบั่นทอนผลประโยชน์จากการพัฒนาของจีน

ฝ่ายจีนเน้นย้ำว่ามาตรการของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเป็นการกำหนดข้อจำกัดแบบเลือกปฏิบัติที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มบริษัทจีน โดยองค์กรหรือนิติบุคคลที่ดำเนินการหรือช่วยเหลือในการดำเนินมาตรการเหล่านี้อาจถือเป็นการละเมิดกฎหมายและข้อบังคับของจีน และอาจต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ทั้งนี้ การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันเป็นแนวทางหลักของโลก จีนจึงกระตุ้นเตือนสหรัฐฯ แก้ไขการทำผิดพลาดทันที ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ และเคารพสิทธิการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามกฎหมายของประเทศอื่นๆ

จีนสนับสนุนผู้ประกอบการทั่วโลกดำเนินความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามหลักการตลาดเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์และส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยจีนจะเฝ้าติดตามมาตรการของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดและดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย

(แฟ้มภาพซินหัว : ธงชาติจีนและธงชาติสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 24 ก.ย. 2015)