รายงานของสหประชาชาติที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 พ.ย.) ได้คาดการณ์ว่าปี 2016 เป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งกล่าวเตือนสำหรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อุณหภูมิของโลกในช่วงเดือนมกราคม-กันยายนปี 2016 สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมประมาณ 1.2 องศาเซลเซียส และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปีค.ศ. 1961-1990 ประมาณ 0.88 องศาเซลเซียส ข้อมูลจากรายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติระบุไว้ดังนี้
ขณะเดียวกัน ข้อมูลเบื้องต้นในเดือนตุลาคมยังได้ระบุว่า อุณหภูมิจะสูงเช่นนี้ไปจนถึงสิ้นปี ทำลายสถิติอุณหภูมิที่บันทึกไว้ในปี 2015 และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในศตวรรษที่ 20 ถึง 0.77 องศาเซลเซียสอีกด้วย สาเหตุของอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญในมหาสมุทรแปซิฟิกที่รุนแรงขึ้นอย่างผิดปกติในปี 2015 และปี 2016
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศและตัวแทนจากองค์กรต่างๆ ได้เดินทางมาประชุมร่วมกันในเมืองมาร์ราคิช ประเทศโมร็อกโกเป็นครั้งแรก หลังจากที่ข้อตกลงกรุงปารีสว่าด้วยภาวะโลกร้อนเริ่มมีผล
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในการดำเนินงานตามข้อตกลงดูเหมือนจะชะลอตัวลง หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนต่อไป
ทรัมป์เคยกล่าวว่าภาวะโลกร้อนเป็น “เรื่องหลอกลวง” ทั้งยังได้กล่าวปฏิญาณในการรณรงค์หาเสียงว่าจะ “ยกเลิก” การมีส่วนร่วมของสหรัฐอเมริกาในข้อตกลงปารีส ทันทีที่ตนได้รับการเลือกตั้ง และจะหยุดการชำระเงินทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาให้กับโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน